ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊กเป็นเครื่องมือที่ช่วยระบุว่าเวิร์กบุ๊กเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านประสิทธิภาพบางประการหรือไม่ แนวทางเหล่านี้จะจำกัดอยู่ภายใต้สิ่งที่สามารถแยกวิเคราะห์ได้จากข้อมูลเมตาของเวิร์กบุ๊ก และประเมินโดยการใช้อัลกอริทึมของเอนจินกฎ คำแนะนำสามารถนำไปใช้ได้หรือเหมาะสมกับบางเวิร์กบุ๊ก มีหลายแง่มุมด้านประสิทธิภาพที่ตัวเพิ่มประสิทธิภาพไม่ครอบคลุม ซึ่งบางแง่มุมเหล่านั้นอาจช่วยให้ทำงานได้สำเร็จโดยง่าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูที่ ปรับปรุงประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊กของคุณ และเอกสารประกอบ การออกแบบเวิร์กบุ๊กการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
เรียกใช้ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ใน Tableau Desktop
ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊กพร้อมใช้งานจากเมนู “เซิร์ฟเวอร์” หรือกล่องโต้ตอบการเผยแพร่
- จากเมนูเซิร์ฟเวอร์ ให้คลิกเรียกใช้ตัวเพิ่มประสิทธิภาพ
- เวิร์กบุ๊กจะได้รับการประเมินโดยอัตโนมัติจากแนวทาง และจะแสดงผลลัพธ์เป็นหนึ่งในสามหมวดหมู่ต่อไปนี้: ต้องดำเนินการ ต้องตรวจสอบ หรือผ่าน (หริอผ่านและละเว้น)
- คุณอาจเห็นหมวดหมู่ต่ำกว่าสามหมวดหมู่ หากไม่มีแนวทางใดเลยที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ ระบบจะไม่แสดง
- ขยายแต่ละหมวดหมู่เพื่อดูแนวทาง และคุณยังสามารถขยายแต่ละแนวทางเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ด้วยว่าเหตุใดจึงแนะนำเช่นนั้น บางข้อก็จะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเวิร์กบุ๊กของคุณ
- คุณสามารถเลือกที่จะทำตามแนวทางข้อใดก็ได้หรือไม่ทำตามเลยก็ได้ เนื่องจากการเรียกใช้ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเป็นขั้นตอนตามความสมัครใจในกระบวนการเผยแพร่ ระบบจะไม่กีดกันไม่ให้คุณเผยแพร่
- หากต้องการปิดกล่องโต้ตอบแล้วกลับไปยังเวิร์กบุ๊ก ให้คลิก "ปิด"
- หากต้องการปิดกล่องโต้ตอบแล้วกลับไปยัง (หรือเปิด) กล่องโต้ตอบการเผยแพร่ ให้คลิก "เผยแพร่"
การเขียนเว็บ
ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊กจะพร้อมใช้งานจากเมนูการเผยแพร่และกล่องโต้ตอบการเผยแพร่ในการเขียนเว็บ
หมวดหมู่ต่างๆ ของตัวเพิ่มประสิทธิภาพ
ตัวเพิ่มประสิทธิภาพแบ่งแนวทางออกเป็นสามหมวดหมู่ ได้แก่ ดำเนินการ ต้องตรวจสอบ และผ่าน
ดำเนินการ บ่งบอกว่าการอัปเดตเวิร์กบุ๊กเพื่อให้ตรงตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้จะมีผลกระทบน้อยมากหรือไม่มีเลยต่อการทำงานของเวิร์กบุ๊ก ดังนั้นอาจไม่มีเหตุผลใดๆ ให้หลีกเลี่ยงไม่ทำการเปลี่ยนแปลงนี้
ต้องตรวจสอบ บ่งบอกว่าการทำตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้อาจส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนเวิร์กบุ๊กด้วยวิธีที่ต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น เช่น ปรับโครงสร้างแหล่งข้อมูลหรือลดความซับซ้อนของแดชบอร์ด
- สำหรับแนวทางเหล่านี้ ให้ใช้วิจารณญาณของคุณเองในการพิจารณาว่าอะไรที่สามารถทำได้หรือลงมือทำได้จริง
- คำแนะนำบางข้ออาจต้องใช้การลงทุนลงแรงเป็นอย่างมากเพื่อแลกกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยและไม่คุ้มค่าที่จะดำเนินการ
- แนะนำให้ใช้การบันทึกประสิทธิภาพเพื่อรับการวัดเกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพ
- ซึ่งบางเกณฑ์อาจช่วยให้คุณไตร่ตรองได้ว่าควรเลือกทำสิ่งใด
ในฐานะผู้เขียน คุณคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจว่าอะไรที่ทำให้เวิร์กบุ๊กมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่าลืมว่าคุณสามารถข้ามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดบางข้อเพื่อให้ส่งมอบเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทียบระหว่างเป้าหมายของเวิร์กบุ๊กกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเสมอเพื่อดูว่าสิ่งใดสำคัญกว่ากัน
ผ่าน บ่งบอกว่าดำเนินการได้ตามแนวทางที่เลือกและเวิร์กบุ๊กกำลังปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของส่วนดังกล่าว แต่อย่าลืมว่ายังมีประสิทธิภาพในแง่มุมอื่นๆ อีกที่ตัวเพิ่มประสิทธิภาพไม่สามารถตรวจจับได้ หมวดหมู่นี้จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นผ่านและละเว้น หากมีการละเว้นแนวทางใดๆ สำหรับเวิร์กบุ๊ก
ละเว้นแนวทาง
แนวทางอาจไม่สามารถใช้ได้กับสถานการณ์ของคุณเสมอไป บางทีคุณอาจกำลังเผยแพร่เวิร์กบุ๊กเทมเพลตเพื่อให้ผู้อื่นใช้และจำเป็นต้องรักษาฟิลด์และแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เอาไว้ คุณไม่ต้องการให้ตัวเพิ่มประสิทธิภาพแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับแนวทางเหล่านั้นต่อไป
หากเป็นเช่นนี้ คุณสามารถละเว้นแนวทางสำหรับเวิร์กบุ๊กได้
- ให้คลิกปุ่มละเว้น จากแนวทางที่เลือก
- แนวทางจะถูกปิดและย้ายไปยังส่วนผ่านและละเว้น แม้ว่าคุณจะเรียกใช้ตัวเพิ่มประสิทธิภาพอีกครั้ง แนวทางนั้นจะไม่ปรากฏในส่วน “ดำเนินการ” หรือ “ต้องตรวจสอบ”
- หากต้องการประเมินแนวทางต่อ ให้ค้นหาแถวนั้นในส่วนผ่านและละเว้น แล้วคลิกปุ่ม ละเว้น อีกครั้ง
- ตัวเพิ่มประสิทธิภาพจะทำงานอีกครั้งและระบบจะประเมินแนวทางต่อไป แนวทางจะได้รับการตรวจสอบทุกครั้งที่ตัวเพิ่มประสิทธิภาพทำงาน
แก้ไขแนวทางโดยอัตโนมัติ
รายการแนะนำบางอย่างจากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊กสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องมีอินพุตจากผู้ใช้ สำหรับแนวทางเหล่านี้ จะมีปุ่มสำหรับแก้ไขกฎโดยอัตโนมัติ หากปุ่มไม่ปรากฏขึ้น คุณต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยตนเอง
ให้คลิกปุ่ม “แก้ไขอัตโนมัติ” จากแนวทางที่เลือก
- การดำเนินการที่แนะนำ (เช่น การปิดแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้ใช้) จะดำเนินการอยู่เบื้องหลังและแนวทางจะย้ายไปยังส่วน “ผ่าน”
- หากการแก้ไขอัตโนมัติล้มเหลวด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณจะได้รับแจ้งและข้อความแจ้งให้แก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
- หากไม่มีปุ่มนี้ แปลว่าแนวทางนั้นไม่สามารถแก้ไขอัตโนมัติได้ โดยคุณต้องแก้ไขด้วยตนเอง
แนวทาง
ทุกแนวทางมาพร้อมคำสั่ง “พิจารณา” ซึ่งแนะถึงวิธีในการจัดการกับผลกระทบด้านประสิทธิภาพ โดยจะเป็นเพียงคำแนะนำทั่วไปเท่านั้นและอาจไม่รับกับบางสถานการณ์ คำแนะนำเหล่านี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น คุณควรตริตรองโดยคำนึงถึงบริบทของสภาพแวดล้อมและเป้าหมายของเวิร์กบุ๊กของคุณเสมอ
หมายเหตุ: คำแนะนำบางข้ออาจไม่สามารถทำได้จริงในเบราว์เซอร์และอาจต้องอาศัยการแก้ไขใน Tableau Desktop แทน
ไปยังแนวทางตามตัวอักษร: ABC. D. EFGHIJKLMNOPQRSTUVWXYZ
ความยาวในการคำนวณ
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: การคำนวณการคำนวณของฉันมีความยาว 600 ตัวอักษร
การประมวลผลลัพธ์ของการคำนวณที่ซับซ้อนอาจมีผลต่อประสิทธิภาพ
พิจารณาแยกการคำนวณออกและย้ายไปยังฐานข้อมูลเมื่อเป็นไปได้ หรือใช้ Tableau Prep เพื่อสร้างการคำนวณล่วงหน้าก่อนการวิเคราะห์
ข้อมูลเพิ่มเติม
สามารถเขียนการคำนวณที่ยาวและซับซ้อนได้ทั้งในลักษณะการคำนวณเดี่ยวหรือการคำนวณซ้อน (โดยที่องค์ประกอบบางอย่างต้องถูกเขียนเป็นการคำนวณแบบสแตนด์อโลนที่ใช้ในการคำนวณที่ใหญ่กว่า) แม้ว่าการสร้างการคำนวณด้วยองค์ประกอบซ้อนอาจช่วยให้แก้ไขปัญหาและดูแลรักษาได้ง่ายกว่า แต่ก็อาจทำให้มีความซับซ้อนมากขึ้นและมีกระบวนการที่ต้องทำเพิ่มขึ้น หากเป็นไปได้ การดันองค์ประกอบเหล่านี้กลับไปยังแหล่งข้อมูลอาจช่วยในด้านประสิทธิภาพได้
ความคิดเห็นในการคำนวณจะถูกนับรวมในความยาว ดังนั้นสิ่งที่ทริกเกอร์แนวทางนี้อาจไม่ใช่การคำนวณที่ยาวและซับซ้อน หากแต่เป็นความคิดเห็นที่ยาว
การคำนวณโดยใช้แหล่งข้อมูลหลายรายการ
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูล ห่วงโซ่อุปทาน มีการคำนวณ 17 รายการที่ใช้ฟิลด์จากแหล่งข้อมูลอื่น
เมื่อการคำนวณใช้ฟิลด์จากแหล่งข้อมูลหลายรายการ Tableau จะไม่สามารถใช้การปรับแต่งใดๆ ได้และจะต้องทำการประมวลผลการคำนวณแบบภายในเครื่อง
พิจารณาใช้ Tableau Prep เพื่อสร้างการคำนวณและใช้การแยกข้อมูล
ข้อมูลเพิ่มเติม
การย้ายการคำนวณแบบข้ามฐานข้อมูลไปยังชั้นข้อมูลจะส่งผลให้สามารถดำเนินกระบวนการได้แม้กระทั่งก่อนที่ผู้ใช้จะส่งคำขอแดชบอร์ด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูผนวกข้อมูลของคุณ (Prep) และสร้างระดับของรายละเอียดและการคำนวณอันดับ
ในบางกรณี พารามิเตอร์อาจทริกเกอร์แนวทางนี้ได้ หากการคำนวณบ่งบอกว่าไม่ได้มีการใช้แหล่งข้อมูลหลายรายการ ให้ตรวจดูว่าการคำนวณดังกล่าวมีพารามิเตอร์หรือไม่ และจะลดความซับซ้อนของพารามิเตอร์ได้ไหม
ขนาดแดชบอร์ดไม่คงที่
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แดชบอร์ด การวิเคราะห์ Q3 ไม่ได้มีขนาดที่คงที่
แดชบอร์ดที่มีขนาดคงที่สามารถแคชได้เพราะมีขนาดที่คาดการณ์ได้ การใช้การกำหนดขนาดแดชบอร์ดอัตโนมัติหมายความว่าผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับหน้าจอของผู้ใช้ และจึงต้องแสดงผลแดชบอร์ดทุกครั้ง การแสดงผลแดชบอร์ดมักส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ
แนะนำให้ทำการกำหนดขนาดแดชบอร์ดให้คงที่
ข้อมูลเพิ่มเติม
แม้ว่าองค์ประกอบที่ปรับตามอุปกรณ์จะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบเว็บ แต่การปรับขนาดแดชบอร์ดของคุณอาจทำให้การจัดวางเนื้อหาบิดเบี้ยว รวมไปถึงการส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการแสดงผลใหม่ สำหรับการแสดงเป็นภาพของ Tableau ขอแนะนำให้ใช้ ขนาดแดชบอร์ดที่คงที่ และใช้ แดชบอร์ดที่เฉพาะเจาะจงตามอุปกรณ์ เพื่อรองรับอุปกรณ์และขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน
ตัวกรองจะใช้ตรรกะแบบมีเงื่อนไข
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: ตัวกรอง ตัวอย่างประเภท ใช้ตรรกะแบบมีเงื่อนไข
การกรองมิติสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ในรายการค่า โดยการจับคู่สัญลักษณ์แทน หรือใช้ตรรกะแบบมีเงื่อนไข ตรรกะแบบมีเงื่อนไขอาจช้า
ลองเปลี่ยนตัวกรองเพื่อไม่ใช้ตรรกะแบบมีเงื่อนไข หากจำเป็น โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ทดสอบตรรกะของคุณเพื่อหาผลลัพธ์ที่พบบ่อยที่สุดก่อน และใช้ ELSEIF หรือ CASE เมื่อเป็นไปได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอง โปรดดูที่กรองข้อมูลของคุณ
ตัวกรองใช้ “เฉพาะค่าที่เกี่ยวข้อง”
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: ตัวกรอง ตัวอย่างประเภท ใช้ “เฉพาะค่าที่เกี่ยวข้อง”
เมื่อตัวกรองใช้ “เฉพาะค่าที่เกี่ยวข้อง” การควบคุมตัวกรองแบบโต้ตอบได้จะแสดงเฉพาะตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับสถานะปัจจุบันของมุมมอง ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกรองอื่น ระบบจะต้องทำการค้นหารายชื่อค่าที่จะแสดงใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ
แนะนำให้ใช้การดำเนินการกับตัวกรองแดชบอร์ดแทน หากผลประโยชน์ของผู้ใช้ปลายทางมีค่าพอที่ควรใช้ฟีเจอร์นี้ พิจารณาแยกข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพการแยกข้อมูล
ข้อมูลเพิ่มเติม
มีบางกรณีที่คุณจำเป็นต้องใช้ “เฉพาะค่าที่เกี่ยวข้อง” เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รายการถูกกรองอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งแทนที่จะใช้การกรองแบบโต้ตอบได้ในกรณีนี้ แนะนำให้ลองใช้ตัวกรองการดำเนินการ ตัวอย่างเช่น หากแดชบอร์ดมีตัวกรองแบบเรียงซ้อนสำหรับหมวดหมู่ หมวดหมู่ย่อย และ ID ผลิตภัณฑ์ โดยที่ ID ผลิตภัณฑ์ถูกตั้งค่าให้แสดงเป็น “เฉพาะค่าที่เกี่ยวข้อง” การลบการจำกัดดังกล่าวออกจะส่งผลให้รายชื่อผลิตภัณฑ์มีข้อมูลแสดงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นแทนที่จะใช้ตัวกรอง คุณสามารถสร้างการแสดงเป็นภาพที่เรียบง่าย (เช่น แผนภูมิแท่งสำหรับหมวดหมู่และหมวดหมู่ย่อย) แล้วนำไปใช้เป็นตัวกรองได้ เมื่อผู้ใช้คลิกบนแท่งในแผนภูมิ ตัวกรองการดำเนินการจะถูกปรับใช้กับการแสดงเป็นภาพที่เหลือทั้งหมดในแดชบอร์ด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูการดำเนินการแดชบอร์ด
การเชื่อมต่อข้อมูลสด
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานไม่ผ่านการแยกข้อมูล
การแยกข้อมูลของ Tableau ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อใช้กับการวิเคราะห์ การใช้การแยกข้อมูลเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะพัฒนาประสิทธิภาพที่สืบเนื่องมาจากแหล่งข้อมูล การแยกข้อมูลยังมีฟีเจอร์เนทีฟมากมายเพื่อการปรับแต่งอีกด้วย
แนะนำให้ทำการแยกข้อมูลกับแหล่งข้อมูล
ข้อมูลเพิ่มเติม
ในบางสถานการณ์ การแยกข้อมูลอาจส่งผลให้ Tableau Server หรือทรัพยากรของเว็บไซต์ Tableau เกิดความตึงเครียดที่ไม่พึงปรารถนา แนะนำให้ประสานงานกับผู้ดูแลระบบ Tableau ที่ดูแลคุณเพื่อคิดหาการดำเนินการที่เหมาะสมที่สุด
เอกสารประกอบการออกแบบเวิร์กบุ๊กที่มีประสิทธิภาพมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการแยกข้อมูลและวิธีใช้การแยกข้อมูลเพื่อช่วยเรื่องประสิทธิภาพ (คุณอาจต้องเข้าสู่ระบบจึงจะสามารถเข้าถึงเอกสารประกอบดังกล่าวได้)
การเชื่อมต่อหลายรายการในแหล่งข้อมูล
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานใช้การเชื่อมต่อหลายรายการ
แหล่งข้อมูลที่ประกอบไปด้วยการเชื่อมต่อหลายรายการจะไม่สามารถประมวลผลแบบภายในเครื่องได้
แนะนำให้รวมแหล่งข้อมูลใน Tableau Prep และใช้การแยกข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์
ข้อมูลเพิ่มเติม
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูรวมข้อมูลของคุณ (Prep)
การคำนวณแบบซ้อนกัน
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: การคำนวณการคำนวณของฉันอ้างอิงถึงการคำนวณอื่น
การคำนวณแบบซ้อนกันอาจเพิ่มความยุ่งยากและการประมวลผลเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำสั่ง IF และฟังก์ชันที่เน้นประสิทธิภาพอื่นๆ
พิจารณาผลักดันการคำนวณไปยังแหล่งข้อมูลหรือทำให้เป็นรูปเป็นร่างในการแยกข้อมูล
ข้อมูลเพิ่มเติม
กฎนี้อาจเรียกใช้สำหรับการคำนวณที่ไม่ได้อยู่ในการแสดงเป็นภาพนั้นๆ แต่มีการอ้างอิงถึงโดยการคำนวณในการแสดงเป็นภาพดังกล่าวอีกที ตัวอย่างเช่น ลองนึกภาพฟิลด์สี่รายการนี้:
- คำแนนที่ได้รับ (ช่องในแหล่งข้อมูล)
- คะแนนแบบทดสอบ =
[Points earned]*10
- เกรดตามเส้นโค้ง =
[Quiz score]*1.05
- เกรดแบบตัวอักษร =
IF [Curved grade] >= 90 THEN "A" ELSEIF [ Curved grade] >= 80 THEN "B" ELSEIF [Curved grade] >=70 THEN "C" ELSEIF [Curved grade] >=60 THEN "D" ELSE "F" END
คะแนนแบบทดสอบ คือการคำนวณที่ไม่ซ้อนกันซึ่งอ้างอิงเฉพาะฟิลด์ ทั้งเกรดตามเส้นโค้งและเกรดแบบตัวอักษร เป็นการคำนวณแบบซ้อนเนื่องจากมีการอ้างอิงถึงการคำนวณอื่นๆ แม้ว่าจะใช้เกรดแบบตัวอักษรเท่านั้น เกรดตามเส้นโค้งก็จะทริกเกอร์กฎการคำนวณที่ซ้อนกันอยู่ด้วย เนื่องจากมีการใช้เกรดนี้ในเกรดแบบตัวอักษร
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคำนวณที่เป็นจริงในการแยกข้อมูล (ประมวลผลการคำนวณตอนนี้) ให้ดูที่ ทำการคำนวณในการแยกข้อมูล
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างการคำนวณใน Tableau Prep โปรดดูการคำนวณใน Tableau Prep
การคำนวณที่ไม่แสดงผลข้อมูล
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานไม่ได้ผ่านการคำนวณล่วงหน้า
การประมวลผลลัพธ์ของการคำนวณอาจมีผลต่อประสิทธิภาพ
พิจารณาพุชการคำนวณไปยังแหล่งข้อมูลเมื่อเป็นไปได้ หากใช้การแยกข้อมูล ให้แสดงผลข้อมูลการคำนวณเพื่อคำนวณผลลัพธ์ล่วงหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติม
ให้ทำการคำนวณข้อมูลและการคำนวณแบบล่วงหน้าในการแยกข้อมูลหรือในแหล่งข้อมูลแบ็คเอนด์ของคุณ การย้ายกระบวนการเพิ่มเติมนี้ไปยังชั้นข้อมูลจะส่งผลให้สามารถดำเนินกระบวนการจนแล้วเสร็จได้แม้กระทั่งก่อนที่ผู้ใช้จะส่งคำขอแดชบอร์ด
การแยกข้อมูลของคุณมักเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ว่าจะต้องแลกเปลี่ยนกับความเป็นปัจจุบันของข้อมูลและฟังก์ชันบางประการ ดู แยกข้อมูลของคุณ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกในการแยกข้อมูลและ ทำการคำนวณในการแยกข้อมูล เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำให้การคำนวณของคุณเป็นจริง
แยกข้อมูลของคุณ: คลิกขวาบนชื่อแหล่งข้อมูลที่ด้านบนสุดของแผงข้อมูล แล้วเลือกแยกข้อมูล ในกล่องโต้ตอบการกำหนดค่า ให้เลือกทำการคำนวณทันที
จำนวนแหล่งข้อมูล
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: เวิร์กบุ๊กมีแหล่งข้อมูล 17 รายการ
แหล่งข้อมูลแต่ละรายการมีผลต่อเวลาที่ Tableau ใช้ในการโหลดและแสดงผลเวิร์กบุ๊ก
พิจารณารวมแหล่งข้อมูลหากเป็นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อมีระดับความละเอียดเดียวกันหรือรองรับการวิเคราะห์แบบเดียวกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูที่ ทำให้ข้อมูลของคุณสัมพันธ์กัน เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรวมแหล่งข้อมูล หรือพิจารณาใช้ Tableau Prep
อย่างไรก็ตาม ระมัดระวังอย่ารวมแหล่งข้อมูลมากจนเกินไป เวิร์กบุ๊กจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อการวิเคราะห์แต่ละประเภทถูกสร้างจากแหล่งข้อมูลที่ออกแบบมาอย่างดี หากไม่ง่ายเลยที่จะรวมแหล่งข้อมูลของคุณได้สำเร็จ ก็อาจเป็นสัญญาณว่าคุณควรแยกการวิเคราะห์ออกเป็นเวิร์กบุ๊กหลายรายการ โดยที่แต่ละรายการมีวัตถุประสงค์ที่เจาะจงยิ่งขึ้น
หากต้องการแยกวิเคราะห์ในเวิร์กบุ๊กหลายรายการ ให้ลองทำวิธีต่างๆ ต่อไปนี้:
- บันทึกสำเนาของเวิร์กบุ๊กและลบชีต แดชบอร์ด และแหล่งข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกจากแต่ละรายการ ดูที่ "การทำให้เวิร์กบุ๊กของคุณทำงานสอดคล้องกัน" เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
- คัดลอกชีตที่เฉพาะเจาะจงลงในเวิร์กบุ๊กใหม่ การทำเช่นนี้อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากการคัดลอกแดชบอร์ดไปยังเวิร์กบุ๊กใหม่จะย้ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นสำหรับแดชบอร์ดนั้น อย่างไรก็ตาม ระบบจะไม่โอนย้ายตัวเลือกการจัดรูปแบบทั้งหมด ดูที่ การคัดลอกข้อมูลระหว่างเวิร์กบุ๊ก เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
จำนวนตัวกรอง
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: ชีตการกระจายชั้นเรียนมีตัวกรอง 17 รายการ
ตัวกรองที่มากเกินไปในมุมมองหนึ่งๆ จะสร้างการค้นหาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
พิจารณาลดจำนวนตัวกรองและใช้การดำเนินการกับตัวกรองหากเป็นไปได้ ไม่ใช่ตัวกรองทุกประเภทและทุกรูปแบบที่มีประสิทธิภาพเหมือนกัน ดังนั้นให้พิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพตัวกรองที่จำเป็น
ข้อมูลเพิ่มเติม
เอกสารประกอบการออกแบบเวิร์กบุ๊กการผลิตที่มีประสิทธิภาพมีบทที่พูดถึงตัวกรองโดยเฉพาะซึ่งให้รายละเอียดเจาะลึกกว่านี้มาก สรุปโดยสังเขป:
- ลดจำนวนตัวกรองโดยรวม
- ตัวกรองที่ใช้กับเวิร์กชีตหลายรายการจะทริกเกอร์การค้นหาหลายรายการในทุกโอกาส
- จำกัดการใช้แสดงเฉพาะค่าที่เกี่ยวข้อง การใช้การแยกข้อมูลสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ฟีเจอร์นี้ได้เมื่อจำเป็นต้องใช้
- หลีกเลี่ยงตัวกรองรวม/ยกเว้นที่มีความไม่ซ้ำกันสูง
- ใช้ปุ่มปรับใช้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการรีเฟรชหลายครั้งในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังโต้ตอบกับตัวกรอง
- กรองฟิลด์ที่แสดงในมุมมอง
- ใช้ตัวกรองวันที่ต่อเนื่องแทนการใช้ตัวกรองวันที่แบบแยกกัน
- ไม่ควรใช้ตัวกรองบริบทเพียงเพื่อเร่งประสิทธิภาพเท่านั้น
การดำเนินการกับตัวกรองเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการนำทางผู้ใช้ในแดชบอร์ด ดู การดำเนินการกับตัวกรอง เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
จำนวนที่เก็บเลย์เอาต์
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แดชบอร์ด การวิเคราะห์ Q3 มีที่เก็บเค้าโครง 42 รายการ
ที่เก็บเลย์เอาต์อาจสร้างความซับซ้อนในการแสดงผลแดชบอร์ด
พิจารณาลบที่เก็บเลย์เอาต์ที่ไม่จำเป็นและทำให้การออกแบบแดชบอร์ดมีความเรียบง่ายมากขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่เก็บเลย์เอาต์และหน้าต่างเลย์เอาต์ ให้ดูที่ จัดกลุ่มรายการโดยใช้ที่เก็บเลย์เอาต์
จำนวนการคำนวณ LOD
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: เวิร์กบุ๊กมีการคำนวณ LOD 42 รายการ
การประมวลผลลัพธ์ของการคำนวณที่ซับซ้อนอาจมีผลต่อประสิทธิภาพ บ่อยครั้งมีการใช้ LOD เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับความละเอียดในแหล่งข้อมูลที่สามารถจัดการล่วงหน้าก่อนการวิเคราะห์ได้
พิจารณาปรับแต่งแหล่งข้อมูลให้เข้ากับการวิเคราะห์เพื่อหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการใช้ LOD จำนวนมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
การคำนวณระดับของรายละเอียดเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมาก แต่ก็มีราคาสูงเช่นกัน ดังนั้นคุณควรใช้ในยามที่จำเป็นเท่านั้น
ฐานข้อมูลการผลิตออกแบบมาให้รับมือกับการค้นหาปริมาณสูงมากได้ และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับย้ายกระบวนการออกจาก Tableau บางครั้งฐานข้อมูลอาจดำเนินการคำนวณ FIXED LOD ซึ่ง Tableau Prep รองรับการคำนวณ FIXED LOD ด้วยเช่นกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สร้างระดับของรายละเอียดและการคำนวณอันดับ
จำนวนมุมมองในแดชบอร์ด
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แดชบอร์ดการวิเคราะห์ Q3 มีมุมมอง 17 รายการ
แดชบอร์ดจะต้องโหลดทุกองค์ประกอบก่อนที่จะแสดง ยิ่งแดชบอร์ดมีมุมมองมากเท่าไร ก็จะยิ่งใช้เวลาโหลดนานขึ้นเท่านั้น โดยมากแล้ว การลดจำนวนมุมมองในแดชบอร์ดคือวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ว่ามักจะต้องอาศัยการออกแบบใหม่ด้วยก็ตาม
พิจารณาปรับแดชบอร์ดให้มีประสิทธิภาพและเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยการลดจำนวนมุมมอง ตัวกรอง และองค์ประกอบอื่นๆ เริ่มจากอะไรก็ได้ที่สามารถนำออกได้ในทันที ดูวิธีอื่นๆ ในการลดความยุ่งเหยิงในแดชบอร์ดของคุณได้ที่ “การทำให้เวิร์กบุ๊กของคุณทำงานสอดคล้องกัน”
ข้อมูลเพิ่มเติม
หากจำเป็นต้องทำการออกแบบใหม่แบบขนานใหญ่ อย่าลืมว่าบางมุมมองก็ไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพมากเท่ามุมมองอื่นๆ ดังนั้นให้เน้นชีตที่มีเครื่องหมาย ตัวกรอง หรือความซับซ้อนมากที่สุด กลยุทธ์ที่ดีที่ควรใช้คือจำกัดแดชบอร์ดเริ่มต้นให้แสดงแค่ข้อมูลสรุปและให้รายละเอียดเฉพาะเมื่อผู้ใช้ขอเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ สำหรับรายละเอียดเจาะลึกที่แนะนำนี้อีก เช่น:
- ใช้ตัวกรองการดำเนินการ ดู การดำเนินการกับตัวกรอง เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ซ่อนมุมมองแบบละเอียดในที่เก็บด้วยการใช้ที่เก็บเลย์เอาต์พร้อมปุ่มแสดง/ซ่อน ดูที่ แสดงและซ่อนออบเจ็กต์ด้วยการคลิกปุ่ม เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
- แยกแดชบอร์ดออกเป็นหลายแดชบอร์ดและใช้ปุ่มนำทาง ดูที่ ตัวเลือกอย่างละเอียดสำหรับออบเจ็กต์การนำทางและดาวน์โหลด เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
จำนวนชีตเวิร์กบุ๊ก
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: เวิร์กบุ๊กมีชีตที่มองเห็นได้ 42 ชีต
ขนาดโดยรวมของเวิร์กบุ๊กส่งผลต่อเวลาที่ใช้ในการประมวลผลและแสดงผลเวิร์กบุ๊ก ชีตที่มองเห็นได้ทั้งหมดต้องโหลดเสร็จก่อน จากนั้น Tableau จึงจะสามารถแสดงเวิร์กบุ๊กหรือมุมมองหนึ่งๆ ได้ การลดจำนวนชีตจะช่วยเร่งเวลาการโหลดให้เร็วขึ้นได้
แนะนำให้ลดจำนวนชีตในเวิร์กบุ๊กด้วยการปิดชีตที่ไม่จำเป็น ซ่อนชีตที่ใช้อยู่ในแดชบอร์ด หรือแยกการวิเคราะห์ให้เป็นหลายเวิร์กบุ๊ก
ข้อมูลเพิ่มเติม
ลบชีตที่ไม่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์: คลิกขวาบนแท็บชีตทางด้านล่างสุดของเวิร์กบุ๊ก แล้วเลือก “ลบ”
ซ่อนชีตที่ใช้งานอยู่: เวิร์กชีตที่ใช้งานอยู่ในแดชบอร์ดหรือเรื่องราวจะลบไม่ได้ แต่สามารถซ่อนได้ ดูที่ จัดการชีตในแดชบอร์ดและเรื่องราว เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ซ่อนทุกชีตของแดชบอร์ด: คลิกขวาบนแท็บแดชบอร์ดที่ด้านล่างสุดของเวิร์กบุ๊ก แล้วเลือก “ซ่อนชีตทั้งหมด”
- ซ่อนบางชีต คลิกขวาบนแท็บชีตที่ด้านล่างสุดของเวิร์กบุ๊ก แล้วเลือก “ซ่อน”
หากจำเป็นต้องใช้ทุกชีต ให้ตัดสินใจว่าจะแยกการวิเคราะห์ออกเป็นหลายเวิร์กบุ๊กได้หรือไม่ โดยที่แต่ละรายการมีวัตถุประสงค์ที่เจาะจงยิ่งขึ้น
- บันทึกสำเนาของเวิร์กบุ๊กและลบชีต แดชบอร์ด และแหล่งข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกจากแต่ละรายการ ดูที่ "การทำให้เวิร์กบุ๊กของคุณทำงานสอดคล้องกัน" เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
- คัดลอกชีตที่เฉพาะเจาะจงลงในเวิร์กบุ๊กใหม่ การทำเช่นนี้อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากการคัดลอกแดชบอร์ดไปยังเวิร์กบุ๊กใหม่จะย้ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นสำหรับแดชบอร์ดนั้น อย่างไรก็ตาม ระบบจะไม่โอนย้ายตัวเลือกการจัดรูปแบบทั้งหมด ดูที่ การคัดลอกข้อมูลระหว่างเวิร์กบุ๊ก เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
แหล่งข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งาน
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: เวิร์กบุ๊กไม่ได้ใช้แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทาน
แหล่งข้อมูลแต่ละรายการมีผลต่อเวลาที่ Tableau ใช้ในการโหลดและแสดงผลเวิร์กบุ๊ก
แนะนำให้ปิดแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งาน
ข้อมูลเพิ่มเติม
หากมีแหล่งข้อมูลใดที่ไม่ได้ใช้งาน ให้ปิดเสีย: คลิกขวาบนชื่อของแหล่งข้อมูลที่ด้านบนสุดของแผงข้อมูล แล้วเลือกปิด
ฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานมี 42 ฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้งาน
การซ่อนฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้จะป้องกันไม่ให้มีการค้นหาโดยไม่จำเป็นและลดขนาดของการแยกข้อมูล
แนะนำให้ซ่อนฟิลด์ใดๆ ที่ไม่ได้ใช้ ไม่ว่าแหล่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการแยกข้อมูลหรือไม่ก็ตาม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ซ่อนฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้
- ใน Tableau Desktop: เปิดเมนูดรอปดาวน์ที่ด้านบนสุดของแผงข้อมูล แล้วเลือกซ่อนทุกฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้
- ในการเขียนเว็บ: คลิกขวาบนฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้แล้วเลือกซ่อน ไม่สามารถซ่อนฟิลด์ที่ไม่ได้ใช้พร้อมกันเป็นจำนวนมากในการเขียนเว็บได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม หากการซ่อนแบบทีละฟิลด์ถูกสั่งห้ามเอาไว้ แนะนำให้ทำการแก้ไขใน Tableau Desktop แทนการดำเนินการในเบราว์เซอร์
ใช้การผสานข้อมูล
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: ชีตการกระจายชั้นเรียนใช้การผสานข้อมูล
ประสิทธิภาพการผสานข้อมูลจะขับเคลื่อนด้วยจำนวนสมาชิกที่ไม่ซ้ำกันในฟิลด์ข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน
พิจารณาใช้ความสัมพันธ์หากเป็นไปได้ หากจำเป็นต้องผสาน ให้ใช้ฟิลด์ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันที่มีความไม่ซ้ำกันต่ำ
ข้อมูลเพิ่มเติม
มีหลากหลายวิธีในการรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหลายรายการ การผสานข้อมูลจะส่งการค้นหาสองรายการแยกกันไปยังแหล่งข้อมูลสองรายการแยกกัน และแสดงผลลัพธ์รวมกันในการแสดงเป็นภาพ โดยการค้นหาเหล่านี้ดำเนินการในระดับของฟิลด์การเชื่อมโยงและผลลัพธ์ที่ได้จะถูกผสานรวมกันในหน่วยความจำใน Tableau ผลลัพธ์การค้นหาขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้การประมวลเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างการแสดงเป็นภาพขั้นสุดท้าย
เคล็ดลับ: หากคุณไม่ได้ใช้การผสานข้อมูลอยู่แต่ตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊กกลับแจ้งว่าดำเนินการกฎนี้ล้มเหลว ให้ตรวจดูว่าเวิร์กบุ๊กใช้การกรองข้ามแหล่งข้อมูลอยู่หรือไม่ การกรองข้ามแหล่งข้อมูลมักประสบปัญหาด้านประสิทธิภาพที่คล้ายกันนี้ในส่วนของความไม่ซ้ำกันของฟิลด์
ใช้การคำนวณวันที่
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานมีการคำนวณวันที่ 17 รายการ
ตรรกะของวันที่อาจมีความซับซ้อน ลดจำนวนการคำนวณวันที่และการแปลงที่คุณต้องทำใน Tableau
แนะนำให้ใช้ DATEPARSE และ MAKEDATE ก่อนวิธีอื่นๆ และลองใช้ฟังก์ชันที่มีอยู่อย่าง DATEDIFF() หากมี หากกรองวันที่ ให้ใช้ตัวกรองวันที่สัมพัทธ์หรือตัวกรองวันที่ต่อเนื่องแทนที่ตัวกรองแบบแยกกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
การดำเนินการคำนวณใน Tableau อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฟังก์ชันวันที่ แนะนำให้ทำการแยกข้อมูลและทำการคำนวณที่เป็นจริง หรือผลักการคำนวณไปยังแหล่งข้อมูลของคุณ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างการคำนวณใน Tableau Prep โปรดดูสร้างการคำนวณใน Tableau Prep
หมายเหตุ: หากการคำนวณวันที่ซ้อนอยู่ในการคำนวณอื่น ตัวเพิ่มประสิทธิภาพจะแฟล็กการคำนวณวันที่ที่ซ้อนอยู่ดังกล่าว แม้ว่าการคำนวณหลักจะเป็นฟิลด์ที่ใช้ในการแสดงเป็นภาพก็ตาม
ใช้การจัดกลุ่ม
จากตัวเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กบุ๊ก
ตัวอย่างข้อความเอาต์พุต: แหล่งข้อมูลห่วงโซ่อุปทานใช้ฟิลด์ที่จัดกลุ่ม 17 รายการ
ฟังก์ชันการจัดกลุ่มแบบเนทีฟของ Tableau จะโหลดโดเมนทั้งหมดของฟิลด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ
แนะนำให้ใช้ฟิลด์ที่คำนวณกับคำสั่ง CASE หรือชุดแทนการใช้กลุ่ม
ข้อมูลเพิ่มเติม
การทดสอบที่ดำเนินการสำหรับเอกสารประกอบ การออกแบบเวิร์กบุ๊กที่มีประสิทธิภาพ พบว่าการจัดกลุ่มด้วย CASE และชุดสามารถดำเนินการได้ผลดีกว่าฟังก์ชันการจัดกลุ่มแบบเนทีฟ
สามารถใช้ฟังก์ชัน CASE เพื่อสร้างกลุ่มได้ สมมติว่าในสถานการณ์นี้ ข้อมูลเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับไพ่ มีฟิลด์หนึ่งสำหรับใส่ค่าของไพ่ (2–10, J, Q, K, A) แต่การวิเคราะห์ควรเปรียบเทียบระหว่างไพ่ที่เป็นตัวอักษร (face card) กับไพ่ที่เป็นตัวเลข (number card) ดังนั้นแล้ว คำสั่ง CASE สำหรับทำการจัดกลุ่มดังกล่าวควรเป็นดังนี้
CASE [Value]
WHEN "J" THEN "Face card"
WHEN "Q" THEN "Face card"
WHEN "K" THEN "Face card"
ELSE "Number card"
END
เซตมีประโยชน์ที่เพิ่มมาจากการดำเนินการของเซต ซึ่งทำให้เซตมีประโยชน์และยืดหยุ่นมากกว่าการจับกลุ่มแบบดั้งเดิม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สร้างเซต และ การดำเนินการกับเซต