การอ้างอิงการปรับแต่งความสามารถของ Tableau

คุณสามารถตั้งค่าการปรับแต่งความสามารถต่อไปนี้ในไฟล์การปรับแต่งแหล่งข้อมูลของ Tableau (TDC) เพื่อกำหนดความสามารถของ Tableau ที่การเชื่อมต่อ ODBC รองรับได้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูปรับแต่งและปรับตั้งการเชื่อมต่อ

การปรับแต่งหลายอย่างเหล่านี้มีอิทธิพลต่อประเภทของการสืบค้น SQL ที่ Tableau ดำเนินการ สำหรับการตั้งค่าที่ไม่ได้กำหนด Tableau จะดำเนินการกำหนดค่าที่เหมาะสมสำหรับแต่ละความสามารถโดยการออกแบบฟอร์มการสืบค้น SQL เพื่อทดลองตรวจสอบว่ารองรับแบบฟอร์มใดบ้าง ดังที่อธิบายในวิธีที่ Tableau กำหนดความสามารถของไดรเวอร์ ODBC

CAP_CREATE_TEMP_TABLESตั้งค่าเป็น 'ใช่' หาก Tableau สามารถสร้างตารางชั่วคราวที่จำเป็นสำหรับการสืบค้นที่ซับซ้อนบางอย่างหรือที่เพิ่มประสิทธิภาพได้ ดูเพิ่มเติม: CAP_SELECT_INTO.
CAP_CONNECT_STORED_PROCEDUREตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อให้รองรับการเชื่อมต่อกับโพรซีเยอร์ที่จัดเก็บไว้
CAP_FAST_METADATAตั้งค่าเป็น "ใช่" หากคุณมีสคีมาขนาดเล็กถึงขนาดปานกลาง ความสามารถนี้จะควบคุมว่า Tableau ควรจะแจกแจงออบเจ็กต์ทั้งหมดทันทีหรือไม่ เมื่อคุณเชื่อมต่อ ตั้งค่าเป็น "ใช่" เพื่อเปิดใช้งานความสามารถนี้ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเมื่อสร้างการเชื่อมต่อใหม่ ปิดใช้งานความสามารถนี้เพื่ออนุญาตการค้นหาสคีมาหรือตารางที่เฉพาะเจาะจง แทนที่จะดึงข้อมูลออบเจ็กต์ทั้งหมด คุณสามารถค้นหาออบเจ็กต์ทั้งหมดได้โดยใช้สตริงว่าง ความสามารถนี้จะพร้อมใช้งานในเวอร์ชัน 9.0 และใหม่กว่า
CAP_ISOLATION_LEVEL_READ_COMMITTEDตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ระดับการแยกธุรกรรมเป็น อ่านข้อมูลที่ยืนยันแล้ว หากแหล่งข้อมูลรองรับ ควรตั้งค่าระดับการแยกธุรกรรมเพียงหนึ่งในสี่ให้เป็น 'ใช่' ดูเพิ่มเติม: CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_SQL, CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_ODBC_API
CAP_ISOLATION_LEVEL_READ_UNCOMMITTEDตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ระดับการแยกธุรกรรมเป็น "อ่านข้อมูลที่ยังไม่ได้ยืนยัน" หากแหล่งข้อมูลรองรับ ควรตั้งค่าระดับการแยกธุรกรรมเพียงหนึ่งในสี่ให้เป็น 'ใช่' ความสามารถนี้สามารถปรับปรุงความเร็วได้โดยการลดความขัดแย้งในการล็อก แต่อาจส่งผลทำให้มีข้อมูลบางส่วนหรือข้อมูลไม่สอดคล้องกันในผลลัพธ์การสืบค้น ดูเพิ่มเติม: CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_SQL, CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_ODBC_API
CAP_ISOLATION_LEVEL_REPEATABLE_READSตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ระดับการแยกธุรกรรมเป็น "การอ่านข้อมูลที่ทำซ้ำได้" หากแหล่งข้อมูลรองรับ ควรตั้งค่าระดับการแยกธุรกรรมเพียงหนึ่งในสี่ให้เป็น 'ใช่' ดูเพิ่มเติม: CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_SQL, CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_ODBC_API
CAP_ISOLATION_LEVEL_SERIALIZABLEตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ระดับการแยกธุรกรรมเป็น "ที่เป็นอนุกรมได้" หากแหล่งข้อมูลรองรับ ควรตั้งค่าระดับการแยกธุรกรรมเพียงหนึ่งในสี่ให้เป็น 'ใช่' นี่เป็นการตั้งค่าที่ต้องระมัดระวังอย่างมากซึ่งอาจปรับปรุงความเสถียร แต่สูญเสียประสิทธิภาพ ดูเพิ่มเติม: CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_SQL, CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_ODBC_API
CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_ODBC_APIตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ Tableau ตั้งค่าระดับการแยกธุรกรรมสำหรับแหล่งข้อมูลโดยใช้ ODBC API ต้องตั้งค่า CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_ODBC_API เป็น 'ใช่' เมื่อหนึ่งในสี่ความสามารถของ CAP_ISOLATION_LEVEL ได้รับการตั้งค่าเป็น 'ใช่'
CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_SQLตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ Tableau ตั้งค่าระดับการแยกธุรกรรมสำหรับแหล่งข้อมูลโดยใช้การสืบค้น SQL ต้องตั้งค่า CAP_SET_ISOLATION_LEVEL_VIA_SQL เป็น 'ใช่' เมื่อหนึ่งในสี่ความสามารถของ CAP_ISOLATION_LEVEL ได้รับการตั้งค่าเป็น 'ใช่'
CAP_MULTIPLE_CONNECTIONS_FROM_SAME_IPตั้งค่าเป็น 'ไม่' เพื่อป้องกันไม่ให้ Tableau สร้างการเชื่อมต่อที่ใช้งานอยู่กับฐานข้อมูลมากกว่าหนึ่งรายการ นี่เป็นการตั้งค่าที่ต้องระมัดระวังซึ่งอาจเพิ่มความเสถียร แต่สูญเสียประสิทธิภาพ
CAP_ODBC_BIND_DETECT_ALIAS_CASE_FOLDINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อให้ Tableau สามารถตรวจพบและกู้คืนจากแหล่งข้อมูล ODBC ที่รายงานชื่อฟิลด์ในเซตโดยใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ แทนที่จะเป็นชื่อฟิลด์ที่คาดหวัง
CAP_ODBC_BIND_BOOL_AS_WCHAR_01LITERALตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อผูกประเภทข้อมูลบูลีนเป็น WCHAR ที่มีค่าเป็น '0' หรือ '1'
CAP_ODBC_BIND_BOOL_AS_WCHAR_TFLITERALตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อผูกประเภทข้อมูลบูลีนเป็น WCHAR ที่มีค่าเป็น 't' หรือ 'f'
CAP_ODBC_BIND_FORCE_DATE_AS_CHARตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ผูกค่าวันที่เป็น CHAR
CAP_ODBC_BIND_FORCE_DATETIME_AS_CHARตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ผูกค่าวันที่และเวลาเป็น CHAR
CAP_ODBC_BIND_FORCE_MAX_STRING_BUFFERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ใช้บัฟเฟอร์ขนาดสูงสุด (1MB) สำหรับสตริงแทนขนาดตามที่อธิบายในข้อมูลเมตา
CAP_ODBC_BIND_FORCE_MEDIUM_STRING_BUFFERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ใช้บัฟเฟอร์ขนาดกลาง (1K) สำหรับสตริงแทนขนาดตามที่อธิบายในข้อมูลเมตา
CAP_ODBC_BIND_FORCE_SMALL_STRING_BUFFERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ใช้บัฟเฟอร์ขนาดเล็กสำหรับสตริงแทนขนาดตามที่อธิบายในข้อมูลเมตา
CAP_ODBC_BIND_FORCE_SIGNEDตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ผูกจำนวนเต็มตามที่ลงชื่อ
CAP_ODBC_BIND_PRESERVE_BOMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อเก็บรักษา BOM เมื่อปรากฏในสตริง Hive จะส่งคืน BOM และปฏิบัติต่อสตริงที่มี BOM เสมือนเป็นเอนทิตีที่ต่างกัน
CAP_ODBC_BIND_SKIP_LOCAL_DATATYPE_UNKNOWNตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อป้องกันไม่ให้โปรโตคอบ ODBC แบบเนทีมผูกกับคอลัมน์ที่มีประเภทข้อมูลในเครื่องเป็น DataType::Unknown ในข้อมูลเมตาที่คาดหวัง
CAP_ODBC_BIND_SPATIAL_AS_WKTตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ผูกข้อมูลเชิงพื้นที่เป็น WKT (Well Known Text)
CAP_ODBC_BIND_SUPPRESS_COERCE_TO_STRINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ผูกข้อมูลที่ไม่ใช่สตริงเป็นสตริง (เช่น ขอแปลงไดรเวอร์)
CAP_ODBC_BIND_SUPPRESS_INT64ตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ใช้จำนวนเต็ม 64 บิตสำหรับข้อมูลตัวเลขขนาดใหญ่
CAP_ODBC_BIND_SUPPRESS_PREFERRED_CHARตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau เลือกประเภทตัวอักษรที่ต่างไปจากค่าเริ่มต้นของไดรเวอร์
CAP_ODBC_BIND_SUPPRESS_PREFERRED_TYPESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ผูกข้อมูลใดๆ ตามประเภทสายที่ต้องการ หากตั้งค่าให้ใช้ความจุนี้ Tableau จะผูกเฉพาะกับประเภทข้อมูลตามที่ไดรเวอร์ ODBC อธิบายไว้ผ่านข้อมูลเมตา
CAP_ODBC_BIND_SUPPRESS_WIDE_CHARตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ผูกสตริงเป็น WCHAR แต่ให้ผูกเป็นอาร์เรย์ CHAR แบบหนึ่งไบต์ และประมวลผลภายในเครื่องสำหรับตัวอักษร UTF-8 ใดๆ ที่จัดเก็บอยู่ภายใน
CAP_ODBC_CONNECTION_STATE_VERIFY_FASTตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อตรวจสอบว่าหลุดการเชื่อมต่อหรือไม่โดยใช้การเรียก ODBC API ที่รวดเร็ว
CAP_ODBC_CONNECTION_STATE_VERIFY_PROBEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อตรวจสอบว่าหลุดการเชื่อมต่อหรือไม่โดยใช้โพรบที่บังคับดำเนินการ
CAP_ODBC_CONNECTION_STATE_VERIFY_PROBE_IF_STALEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อตรวจสอบว่าหลุดการเชื่อมต่อหรือไม่โดยใช้โพรบที่บังคับดำเนินการเฉพาะเมื่อการเชื่อมต่อนั้นมีสถานะเป็น “เก่า” (เช่น ไม่ได้ใช้งานนาน 30 นาที)
CAP_ODBC_CONNECTION_STATE_VERIFY_PROBE_PREPARED_QUERYตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อตรวจสอบว่าหลุดการเชื่อมต่อหรือไม่โดยใช้การค้นหาที่เตรียมไว้
CAP_ODBC_CURSOR_DYNAMICตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ตั้งค่าประเภทเคอร์เซอร์สำหรับทุกคำสั่งเป็นไดนามิก (เลื่อนได้ ตรวจหาการเพิ่ม/ลบ/เปลี่ยนแปลงแถว)
CAP_ODBC_CURSOR_FORWARD_ONLYตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ตั้งค่าประเภทเคอร์เซอร์สำหรับทุกคำสั่งเป็นไปข้างหน้าเท่านั้น
CAP_ODBC_CURSOR_KEYSET_DRIVENตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ตั้งค่าประเภทเคอร์เซอร์สำหรับทุกคำสั่งเป็นอิงตามชุดคีย์ (เลื่อนได้ ตรวจหาการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นกับค่าภายในแถว)
CAP_ODBC_CURSOR_STATICตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ Tableau ตั้งค่าประเภทเคอร์เซอร์สำหรับทุกคำสั่งเป็นนิ่ง (เลื่อนได้ ไม่ตรวจหาการเปลี่ยนแปลง)
CAP_ODBC_ERROR_IGNORE_FALSE_ALARMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau เพิกเฉยต่อเงื่อนไข SQL_ERROR ซึ่ง SQLSTATE มีค่าเป็น '00000' (หมายความว่า “ไม่มีข้อผิดพลาด”)
CAP_ODBC_ERROR_IGNORE_SQLNODATA_FOR_COMMAND_QUERIESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อเพิกเฉยเมื่อ SQLExecDirect ส่งคืนค่า SQL_NO_DATA แม้ว่าจะไม่ได้คาดคิดว่าจะมีการส่งคืนข้อมูลก็ตาม
CAP_ODBC_EXPORT_ALLOW_CHAR_UTF8ตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้ใช้ประเภทข้อมูลแบบหนึ่งไบต์สำหรับผูกสตริง Unicode เป็น UTF-8
CAP_ODBC_EXPORT_BIND_FORCE_TARGET_METADATAตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ทำการผูกสำหรับส่งออกโดยอิงตามข้อมูลเมตาทั้งหมดจากตารางเป้าหมายแทนข้อมูลเมตา ODBC สำหรับคำสั่งแทรกแบบกำหนดพารามิเตอร์
CAP_ODBC_EXPORT_BIND_PREFER_TARGET_METADATAตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อเลือกให้ทำการผูกสำหรับส่งออกโดยอิงตามข้อมูลเมตาประเภทที่เจาะจงจากตารางเป้าหมายแทนข้อมูลเมตา ODBC สำหรับคำสั่งแทรกแบบกำหนดพารามิเตอร์
CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_RESIZABLEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้จัดสรรบัฟเฟอร์ส่งออกอีกครั้งได้หลังแบตช์แรกเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ
CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_SIZE_FIXEDตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อเพิกเฉยต่อความกว้างของแถวหนึ่งๆ เมื่อประมวลผลแถวทั้งหมดสำหรับแทรกในคราวเดียว
CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_SIZE_LIMIT_512KBตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อจำกัดขนาดบัฟเฟอร์ส่งออกให้อยู่ที่ 512 KB นี่คือการตั้งค่าที่ผิดปกติ
CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_SIZE_MASSIVEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ขนาดใหญ่สำหรับการแทรก หากไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้งาน CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_RESIZABLE จะใช้จำนวนแถวแบบคงที่
CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_SIZE_MEDIUMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ขนาดกลางสำหรับการแทรก หากไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้งาน CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_RESIZABLE จะใช้จำนวนแถวแบบคงที่
CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_SIZE_SMALLตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ขนาดเล็กสำหรับการแทรก หากไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้งาน CAP_ODBC_EXPORT_BUFFERS_RESIZABLE จะใช้จำนวนแถวแบบคงที่
CAP_ODBC_EXPORT_CONTINUE_ON_ERRORตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อดำเนินการแทรกข้อมูลต่อไปแม้จะมีข้อผิดพลาดก็ตาม แหล่งข้อมูลบางรายการจะรายงานว่าคำเตือนเป็นข้อผิดพลาด
CAP_ODBC_EXPORT_DATA_BULKตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้ใช้การทำงาน ODBC แบบกลุ่มสำหรับการแทรกข้อมูล
CAP_ODBC_EXPORT_DATA_BULK_VIA_INSERTตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้ใช้การทำงาน ODBC แบบกลุ่มโดยอิงตามการค้นหาแบบกำหนดพารามิเตอร์ 'INSERT INTO’
CAP_ODBC_EXPORT_DATA_BULK_VIA_ROWSETตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้ใช้การทำงาน ODBC แบบกลุ่มโดยอิงตามเคอร์เซอร์ชุดแถว
CAP_ODBC_EXPORT_FORCE_INDICATE_NTSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ตัวบ่งชี้ในการระบุสตริงที่สิ้นสุดด้วย null (NTS)
CAP_ODBC_EXPORT_FORCE_SINGLE_ROW_BINDINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้หนึ่งแถวในการผูกบัฟเฟอร์ส่งออกสำหรับแทรกข้อมูล
CAP_ODBC_EXPORT_FORCE_SINGLE_ROW_BINDING_WITH_TIMESTAMPSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้หนึ่งแถวในการผูกบัฟเฟอร์ส่งออกเมื่อจัดการกับข้อมูลเวลาประทับ ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับ Teradata บางเวอร์ชัน
CAP_ODBC_EXPORT_FORCE_STRING_WIDTH_FROM_SOURCEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้ความกว้างสตริงแหล่งข้อมูล (จากข้อมูลเมตา Tableau) ซึ่งจะแทนที่ความกว้างสตริงปลายทาง (จากข้อมูลเมตาพารามิเตอร์การแทรก)
CAP_ODBC_EXPORT_FORCE_STRING_WIDTH_USING_OCTET_LENGTHตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้ความกว้างสตริงแหล่งข้อมูลจากช่วงระยะเวลา octet
CAP_ODBC_EXPORT_SUPPRESS_STRING_WIDTH_VALIDATIONตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อระงับการตรวจสอบความถูกต้องว่าความกว้างสตริงเป้าหมายสามารถรองรับสตริงต้นฉบับที่กว้างที่สุดได้
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_BATCH_MASSIVEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันคำสั่ง INSERT ในแบตช์ขนาดใหญ่มาก (~100,000) ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับการผูกการส่งออกแบบหนึ่งแถว
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_BATCH_MEDIUMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันคำสั่ง INSERT ในแบตช์ขนาดกลาง (~50) อาจมีการเชื่อมโยงคำสั่งเดียวเข้ากับระเบียนหลายรายการ
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_BATCH_SMALLตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันคำสั่ง INSERT ในแบตช์ขนาดเล็ก (~5) อาจมีการเชื่อมโยงคำสั่งเดียวเข้ากับระเบียนหลายรายการ
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_BYTES_MASSIVEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันข้อมูลในแบตช์ขนาดใหญ่มาก (~100 MB)
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_BYTES_MEDIUMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันข้อมูลในแบตช์ขนาดกลาง (~10 MB)
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_BYTES_SMALLตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันข้อมูลในแบตช์ขนาดเล็ก (~1 MB)
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_EACH_STATEMENTตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันหลังดำเนินการคำสั่ง INSERT แต่ละรายการ อาจมีการเชื่อมโยงคำสั่งเดียวเข้ากับระเบียนหลายรายการ
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_INTERVAL_LONGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันในเวลาที่ผ่านไปซึ่งมีช่วงที่ยาวนาน (~100 วินาที)
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_INTERVAL_MEDIUMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันในเวลาที่ผ่านไปซึ่งมีช่วงที่ยาวปานกลาง (~10 วินาที)
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_INTERVAL_SHORTตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันในเวลาที่ผ่านไปซึ่งมีช่วงที่สั้น (~1 วินาที)
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSACTIONS_COMMIT_ONCE_WHEN_COMPLETEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยืนยันเพียงหนึ่งครั้งในตอนท้ายสุดหลังดำเนินการส่งออกเสร็จ
CAP_ODBC_EXPORT_TRANSLATE_DATA_PARALLELตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อใช้ลูปคู่ขนานในการแปล Tableau DataValues เพื่อต่อสายบัฟเฟอร์ในการส่งออก
CAP_ODBC_FETCH_ABORT_FORCE_CANCEL_STATEMENTตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยกเลิกการจัดการคำสั่งเมื่อขัดจังหวะ SQLFetch ด้วยการยกเว้นการยกเลิก
CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_RESIZABLEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้จัดสรรบัฟเฟอร์อีกครั้งได้หลังดึงข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพหรือการจัดการการตัดทอนข้อมูล
CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_FIXEDตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อเพิกเฉยต่อความกว้างของแถวหนึ่งๆ เมื่อประมวลผลแถวทั้งหมดสำหรับดึงข้อมูล
CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_MASSIVEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ หากเปิดใช้งาน CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_FIXED จะใช้จำนวนแถวแบบคงที่
CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_MEDIUMตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ขนาดกลาง หากเปิดใช้งาน CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_FIXED จะใช้จำนวนแถวแบบคงที่
CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_SMALLตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้ใช้บัฟเฟอร์ขนาดเล็ก หากเปิดใช้งาน CAP_ODBC_FETCH_BUFFERS_SIZE_FIXED จะใช้จำนวนแถวแบบคงที่
CAP_ODBC_FETCH_CONTINUE_ON_ERRORตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ดำเนินการดึงข้อมูลชุดผลลัพธ์ต่อไปแม้มีข้อผิดพลาด (แหล่งข้อมูลบางรายการจะรายงานว่าคำเตือนเป็นข้อผิดพลาด)
CAP_ODBC_FETCH_IGNORE_FRACTIONAL_SECONDSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau เพิกเฉยองค์ประกอบเศษส่วนวินาทีของค่าเวลาเมื่อดึงข้อมูลชุดผลลัพธ์การค้นหา ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อทำงานกับแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้ใช้เศษส่วนวินาทีแบบเดียวกันกับข้อมูลจำเพาะ ODBC โดยจะต้องแสดงเศษส่วนหนึ่งพันล้านของวินาที
CAP_ODBC_FETCH_RESIZE_BUFFERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่ออนุญาตให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ทำงานอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนขนาดบัฟเฟอร์และดึงข้อมูลอีกครั้งหากมีการตัดทอนข้อมูลเกิดขึ้น
CAP_ODBC_FORCE_SINGLE_ROW_BINDINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ใช้หนึ่งแถวในการถ่ายโอนชุดผลลัพธ์แทนการดึงข้อมูลเป็นกลุ่มซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า
CAP_ODBC_IMPORT_ERASE_BUFFERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อรีเซ็ตเนื้อหาของบัฟเฟอร์ข้อมูลก่อนดึงข้อมูลแต่ละบล็อก
CAP_ODBC_IMPORT_TRANSLATE_DATA_PARALLELตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อปิดใช้งานข้อมูลการถอดรหัสภายในเครื่องในแบบคู่ขนาน
CAP_ODBC_METADATA_FORCE_LENGTH_AS_PRECISIONตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ใช้คอลัมน์ "ความยาว" เป็นความแม่นยำแบบตัวเลข นี่คือการตั้งค่าที่ผิดปกติ
CAP_ODBC_METADATA_FORCE_NUM_PREC_RADIX_10ตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau อนุมานว่าความแม่นยำแบบตัวเลขถูกรายงานในแบบฐาน 10 หลัก นี่คือการตั้งค่าที่ผิดปกติ
CAP_ODBC_METADATA_FORCE_UNKNOWN_AS_STRINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟปฏิบัติต่อประเภทข้อมูลที่ไม่รู้จักเสมือนเป็นสตริงแทนการเพิกเฉยต่อคอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง
CAP_ODBC_METADATA_FORCE_UTF8_IDENTIFIERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอลปฏิบัติต่อตัวระบุเสมือนเป็น UTF-8 เมื่อสื่อสารกับไดรเวอร์
CAP_ODBC_METADATA_SKIP_DESC_TYPE_NAMEตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อลบการตรวจสอบหาแอตทริบิวต์ SQL_DESC_TYPE_NAME ด้วย SQLColAttribute API
CAP_ODBC_METADATA_STRING_LENGTH_UNKNOWNตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้ Tableau จัดสรรหน่วยความจำแบบอิงตามความยาวสตริงที่รายงานโดยไดรเวอร์ ซึ่งอาจเป็นค่าที่ไม่มีใครทราบหรือไม่ได้รายงานอย่างถูกต้อง ซึ่ง Tableau จะใช้ความยาวสตริงแบบกำหนดขนาดตายตัวแทน และจะจัดสรรอีกครั้งตามความจำเป็นเพื่อจัดการกับข้อมูลสตริงที่มีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับบัฟเฟอร์ขนาดตายตัว
CAP_ODBC_METADATA_STRING_TRUST_OCTET_LENGTHตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อใช้ความยาว octet ตามที่รายงานโดยไดรเวอร์สำหรับสตริงแทนการประมวลผลความยาวจากจำนวนตัวอักษร
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_EXECUTED_QUERYตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้ Tableau ดำเนินการค้นหาเพื่อเป็นค่ามัชฌิมสำหรับการอ่านข้อมูลเมตา แม้ว่าโดยปกติแล้ว Tableau จะบรรจุคำสั่งจำกัดแถวไว้ในการค้นหาข้อมูลเมตาเหล่านี้ (เช่น 'LIMIT’ หรือ 'WHERE 1=0') การทำเช่นนี้อาจไม่เป็นประโยชน์ใดๆ เมื่อใช้กับการเชื่อมต่อ SQL แบบปรับแต่งเองสำหรับระบบฐานข้อมูลที่มีตัวเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาที่ไม่ดี โปรดทราบว่าความสามารถนี้อาจขัดขวางไม่ให้ Tableau กำหนดข้อมูลเมตาการเชื่อมต่อได้อย่างเหมาะสม
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_PREPARED_QUERYตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้ Tableau ใช้การค้นหาที่เตรียมไว้เพื่อเป็นค่ามัชฌิมสำหรับการอ่านข้อมูลเมตา ซึ่งโดยมากแล้ว การค้นหาที่เตรียมไว้เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการอ่านข้อมูลเมตาอย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ระบบฐานข้อมูลบางระบบไม่สามรถรายงานข้อมูลเมตาสำหรับการค้นหาที่เตรียมไว้ได้โดยที่ไม่ได้ทำการค้นหาตามนั้นจริงๆ โปรดทราบว่าข้อมูลเมตาบางรายการ เช่นจากการเชื่อมต่อที่ใช้ SQL แบบปรับแต่งเอง จะไม่สามารถเรียกข้อมูลได้หากความสามารถนี้และ CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_EXECUTED_QUERY ถูกตั้งค่าไว้ทั้งคู่
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_READ_IDENTITY_COLUMNSตั้งค่าเป็น ‘ไม่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้อ่านข้อมูลเมตาคอลัมน์ข้อมูลประจำตัว
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_SELECT_STARตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้อ่านข้อมูลเมตาโดยใช้การค้นหา 'เลือก *'
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_SQLCOLUMNS_APIตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้ Tableau ใช้ API เก่าที่มีความแม่นยำต่ำในการอ่านข้อมูลเมตาจากแหล่งข้อมูล ODBC การตั้งค่าความสามารถนี้จะช่วยให้ Tableau สามารถอ่านข้อมูลเมตาได้ด้วยการออกการค้นหา 'เลือก *' ซึ่งมีราคาแพงแต่อาจช่วยให้สามารถทำการเชื่อมต่อได้สำหรับแหล่งข้อมูลที่ไม่เสถียรหรือมีข้อจำกัดเยอะมาก
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_SQLFOREIGNKEYS_APIตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้ Tableau พยายามอ่านข้อมูลเมตาที่อธิบายถึงข้อจำกัดคีย์นอก แม้ว่า ODBC API นี้จะมีความเรียบง่าย แต่ไดรเวอร์บางรายการอาจแสดงพฤติกรรมที่ไม่เสถียรหรือให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง การตั้งค่าความสามารถนี้อาจบังคับให้ Tableau สร้างการค้นหาที่มีประสิทธิภาพลดลงเมื่อมีการรวมหลายตารางมาเกี่ยวข้อง
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_SQLPRIMARYKEYS_APIตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้ Tableau อ่านข้อมูลเมตาคีย์หลักโดยใช้ SQLPrimaryKeys API หรือการค้นหาที่เทียบเท่า ความสามารถนี้จะพร้อมใช้งานใน Tableau 9.1 และใหม่กว่า
CAP_ODBC_METADATA_SUPPRESS_SQLSTATISTICS_APIตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้อ่านข้อจำกัดที่ไม่ซ้ำกันและค่าประมาณการความไม่ซ้ำกันของตารางโดยใช้ SQLStatistics API หรือการค้นหาที่เทียบเท่า ความสามารถนี้จะพร้อมใช้งานใน Tableau 9.0 และใหม่กว่า
CAP_ODBC_QUERY_USE_PREPARE_PARAMETER_MARKERเปิดใช้งานเพื่อนำคำสั่งที่เตรียมไว้ไปใช้กับตัวทำเครื่องหมายพารามิเตอร์แทนค่าตามตัวอักษร ใช้สำหรับค่าทศนิยม จำนวนเต็ม และสตริงเท่านั้น
CAP_ODBC_REBIND_SKIP_UNBINDตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ผูกคอลัมน์โดยตรงอีกครั้งและข้ามการยกเลิกการผูก ซึ่งจะลดจำนวนการเรียก ODBC API เมื่อเปลี่ยนขนาดบัฟเฟอร์เพื่อดึงข้อมูลถูกตัดทอนอีกครั้ง
CAP_ODBC_SUPPORTS_LONG_DATA_BULKตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ หากไดรเวอร์สามารถดึงข้อมูลแถวข้อมูลแบบยาวได้หลายแถวในคราวเดียว
CAP_ODBC_SUPPORTS_LONG_DATA_ORDEREDตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ หากไดรเวอร์กำหนดให้ต้องใช้คอลัมน์ข้อมูลแบบยาวหลังคอลัมน์ข้อมูลแบบไม่ยาว
CAP_ODBC_SUPPRESS_INFO_SCHEMA_STORED_PROCSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้สคีมา INFORMATION.SCHEMA ถูกทำการค้นหาเมื่อแจกแจงโพรซีเยอร์ที่จัดเก็บไว้
CAP_ODBC_SUPPRESS_INFO_SCHEMA_TABLESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางตารางจากสคีมา “information_schema” ไม่ให้ถูกส่งคืนโดยตารางแจกแจง
CAP_ODBC_SUPPRESS_PG_TEMP_SCHEMA_TABLESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางตารางจากสคีมา “pg_temp” ไม่ให้ถูกส่งคืนโดยตารางแจกแจง
CAP_ODBC_SUPPRESS_PREPARED_QUERY_FOR_ALL_COMMAND_QUERIESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อดำเนินการคำสั่งทั้งหมดโดยตรง (เช่น คำสั่งที่ไม่ได้เตรียมไว้)
CAP_ODBC_SUPPRESS_PREPARED_QUERY_FOR_DDL_COMMAND_QUERIESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อดำเนินการคำสั่ง DDL (เช่น CREATE TABLE) โดยตรง (เช่น คำสั่งที่ไม่ได้เตรียมไว้)
CAP_ODBC_SUPPRESS_PREPARED_QUERY_FOR_DML_COMMAND_QUERIESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อดำเนินการคำสั่ง DML (เช่น INSERT INTO) โดยตรง (เช่น คำสั่งที่ไม่ได้เตรียมไว้)
CAP_ODBC_SUPPRESS_PREPARED_QUERY_FOR_NON_COMMAND_QUERIESตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อดำเนินการค้นหาที่ไม่ใช่คำสั่งทั้งหมดโดยตรง (คำสั่งที่ไม่ได้เตรียมไว้)
CAP_ODBC_SUPPRESS_SYS_SCHEMA_STORED_PROCSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อเพิ่มสคีมา “SYS” ไปยังข้อยกเว้นสคีมาอย่างชัดเจนเมื่อแจกแจงโพรซีเยอร์ที่จัดเก็บไว้
CAP_ODBC_TRANSACTIONS_COMMIT_INVALIDATES_PREPARED_QUERYตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อระบุว่าธุรกรรมจะทำให้คำสั่งที่เตรียมไว้ทั้งหมดไม่สามารถใช้งานได้ และปิดเคอร์เซอร์ใดๆ ที่เปิดอยู่
CAP_ODBC_TRANSACTIONS_SUPPRESS_AUTO_COMMITตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟใช้พฤติกรรมธุรกรรมที่ดำเนินโดยอัตโนมัติตามค่าเริ่มต้นใน ODBC ไม่สามารถใช้ความสามารถนี้กับ CAP_ODBC_TRANSACTIONS_SUPPRESS_EXPLICIT_COMMIT ได้
CAP_ODBC_TRANSACTIONS_SUPPRESS_EXPLICIT_COMMITตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อขัดขวางไม่ให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟจัดการกับธุรกรรมอย่างชัดเจน ไม่สามารถใช้ความสามารถนี้กับ CAP_ODBC_TRANSACTIONS_SUPPRESS_AUTO_COMMIT ได้
CAP_ODBC_TRIM_CHAR_LEAVE_PADDINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อปล่อยให้มีพื้นที่ว่างสีขาวที่ท้ายตัวอักษรหรือข้อมูลประเภทข้อความ แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่จะเล็มพื้นที่ว่างสีขาวนี้ออกโดยอัตโนมัติ แต่พฤติกรรมนี้จะขึ้นอยู่กับไดรเวอร์
CAP_ODBC_TRIM_VARCHAR_PADDINGตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau เล็มพื้นที่ว่างสีขาวต่อท้ายออกจากคอลัมน์ VARCHAR ซึ่งไดรเวอร์ได้ใส่เผื่อไว้อย่างไม่ถูกต้อง
CAP_ODBC_UNBIND_AUTOตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ยกเลิกการผูกและยกเลิกการจัดสรรคอลัมน์โดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจลดจำนวนการเรียก ODBC API
CAP_ODBC_UNBIND_BATCHตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ยกเลิกการผูกและยกเลิกการจัดสรรคอลัมน์ในการดำเนินการเป็นแบตซ์หนึ่งรายการ ซึ่งอาจลดจำนวนการเรียก ODBC API
CAP_ODBC_UNBIND_EACHตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อบังคับให้โปรโตคอล ODBC แบบเนทีฟของ Tableau ยกเลิกการผูกและยกเลิกการจัดสรรคอลัมน์แบบทีละรายการ ซึ่งอาจทำให้มีความเสถียรมากขึ้น
CAP_ODBC_UNBIND_PARAMETERS_BATCHตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อยกเลิกการผูกพารามิเตอร์ทั้งหมดในการดำเนินการเป็นแบตซ์หนึ่งรายการ
CAP_ORACLE_SHOW_ALL_SYNONYM_OWNERSตั้งค่าเป็น ‘ใช่’ เพื่อแสดงรายชื่อเจ้าของทั้งหมดในมุมมอง all_synonyms สำหรับ Oracle ความสามารถนี้จะพร้อมใช้งานในเวอร์ชัน 9.0 และใหม่กว่า
CAP_QUERY_BOOLEXPR_TO_INTEXPRตั้งค่าเป็น 'ใช่' หาก Tableau ต้องบังคับนิพจน์บูลีนใดๆ ให้เป็นค่าจำนวนเต็มเพื่อรวมไว้ในชุดผลลัพธ์
CAP_QUERY_FROM_REQUIRES_ALIASตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากส่วนคำสั่ง FROM ต้องระบุชื่อแทนสำหรับตารางที่กำหนด
CAP_QUERY_GROUP_ALLOW_DUPLICATESตั้งค่าเป็น 'ไม่' หากการสืบค้น SQL ไม่สามารถมีนิพจน์ที่ซ้ำกันในส่วนคำสั่ง GROUP BY (ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ)
CAP_QUERY_GROUP_BY_ALIASตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากการสืบค้น SQL ที่มีการรวมสามารถอ้างอิงคอลัมน์การจัดกลุ่มตามชื่อแทนที่เกี่ยวข้องในรายการ SELECT เช่น GROUP BY "none_ShipCountry_nk"
CAP_QUERY_GROUP_BY_DEGREEตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากการสืบค้น SQL ที่มีการรวมสามารถอ้างอิงคอลัมน์การจัดกลุ่มตามตำแหน่งลำดับของแต่ละคอลัมน์ เช่น GROUP BY 2, 5 ดูเพิ่มเติม: CAP_QUERY_SORT_BY_DEGREE
CAP_QUERY_HAVING_REQUIRES_GROUP_BYตั้งค่าเป็น 'ใช่' หาก Tableau ต้องใช้ฟิลด์การจัดกลุ่มเทียมสำหรับการสืบค้นใดๆ ที่มีส่วนคำสั่ง HAVING แต่ไม่มีคอลัมน์การจัดกลุ่ม
CAP_QUERY_HAVING_UNSUPPORTEDตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากไม่รองรับไวยากรณ์ SQL สำหรับ HAVING Tableau สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยใช้การสืบค้นย่อย ดูเพิ่มเติม: CAP_QUERY_SUBQUERIES
CAP_QUERY_INCLUDE_GROUP_BY_COLUMNS_IN_SELECTตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อกำหนดให้นิพจน์ GROUP BY ทั้งหมดปรากฏในรายการนิพจน์ SELECT ด้วย
CAP_QUERY_JOIN_ACROSS_SCHEMASตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากการสืบค้น SQL สามารถแสดงการผนวกระหว่างตารางต่างๆ ที่อยู่ในสคีมาที่ต่างกัน
CAP_QUERY_JOIN_ASSUME_CONSTRAINEDตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อคัดแยกการรวมภายใน แม้ว่าตารางฐานข้อมูลจะไม่มีความสัมพันธ์แบบ FK-PK
CAP_QUERY_JOIN_PUSH_DOWN_CONDITION_EXPRESSIONSตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อเขียนการรวมใหม่ เพื่อทำให้เงื่อนไขของส่วนคำสั่ง ON ง่ายขึ้น เพื่อให้การเปรียบเทียบตัวระบุง่ายขึ้น
CAP_QUERY_JOIN_REQUIRES_SCOPEตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากการสืบค้น SQL ต้องกำหนดขอบเขตส่วนคำสั่งการรวมแต่ละส่วนภายในวงเล็บ เพื่อให้แน่ใจว่ามีลำดับการประเมินที่เหมาะสม
CAP_QUERY_JOIN_REQUIRES_SUBQUERYตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้นิพจน์การรวมที่เกี่ยวข้องกับตารางมากกว่าสองตารางประกอบด้วยการสืบค้นย่อย
CAP_QUERY_NULL_REQUIRES_CASTตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลกำหนดให้สัญพจน์ NULL ทั้งหมดถูกส่งเป็นประเภทข้อมูลที่ชัดแจ้ง
CAP_QUERY_SELECT_ALIASES_SORTEDตั้งค่าเป็น 'ใช่' หาก Tableau ต้องกำหนดลำดับที่กำหนดในนิพจน์ SELECT (จัดเรียงตามชื่อแทน) เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์การสืบค้นสามารถจับคู่กับแต่ละฟิลด์ในการแสดงเป็นภาพของ Tableau ได้อย่างเหมาะสม การดำเนินการนี้จำเป็นสำหรับแหล่งข้อมูลที่ไม่เก็บรักษาชื่อแทนของนิพจน์ SELECT เมื่อส่งคืนข้อมูลเมตาพร้อมผลลัพธ์การสืบค้น
CAP_QUERY_SORT_BY_DEGREEตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากการสืบค้น SQL สามารถอ้างอิงคอลัมน์การเรียงลำดับตามตำแหน่งลำดับของแต่ละคอลัมน์ได้ เช่น ORDER BY 2, 5 ดูเพิ่มเติม: CAP_QUERY_GROUP_BY_DEGREE
CAP_QUERY_SUBQUERIESตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลรองรับการสืบค้นย่อย
CAP_QUERY_SUBQUERIES_WITH_TOPตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลรองรับส่วนคำสั่งที่จำกัดแถว TOP หรือ LIMIT ภายในการสืบค้นย่อย
CAP_QUERY_SUBQUERY_DATASOURCE_CONTEXTตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อใช้บริบทการสืบค้นที่กรองการสืบค้นย่อยเพื่อปรับใช้ตัวกรองแหล่งข้อมูล ความสามารถนี้จะพร้อมใช้งานใน Tableau 8.0 ถึง Tableau 9.3 เท่านั้น
CAP_QUERY_SUBQUERY_QUERY_CONTEXTตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อบังคับให้ Tableau ใช้การสืบค้นย่อยสำหรับตัวกรองบริบทแทนตารางชั่วคราวหรือผลลัพธ์ที่แคชไว้ในเครื่อง
CAP_QUERY_TOP_0_METADATAตั้งค่าเป็น 'ใช่’ หากแหล่งข้อมูลสามารถรับมือคำขอ “TOP 0” สำหรับเรียกข้อมูลเมตาได้
CAP_QUERY_TOP_Nตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลรองรับส่วนคำสั่งการจำกัดแถวทุกรูปแบบ รูปแบบที่แน่นอนที่รองรับได้อธิบายไว้ด้านล่าง
CAP_QUERY_TOPSTYLE_LIMITตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลใช้ LIMIT เป็นส่วนคำสั่งการจำกัดแถว
CAP_QUERY_TOPSTYLE_ROWNUMตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลรองรับตัวกรองรูปแบบ Oracle บน ROWNUM เป็นส่วนคำสั่งการจำกัดแถว
CAP_QUERY_TOPSTYLE_TOPตั้งค่าเป็น 'ใช่' หากแหล่งข้อมูลใช้ TOP เป็นส่วนคำสั่งการจำกัดแถว
CAP_QUERY_USE_QUERY_FUSIONตั้งค่าเป็น 'ไม่' เพื่อป้องกันไม่ให้ Tableau รวมการสืบค้นแต่ละรายการหลายรายการไว้ในการสืบค้นแบบรวมรายการเดียว ปิดความสามารถนี้เพื่อการปรับแต่งประสิทธิภาพ หรือหากฐานข้อมูลไม่สามารถประมวลผลการสืบค้นขนาดใหญ่ได้ ความสามารถนี้จะเปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้น และพร้อมใช้งานใน Tableau 9.0 และใหม่กว่า สำหรับแหล่งข้อมูลทั้งหมด ยกเว้นการแยกข้อมูลใน Tableau การรองรับสำหรับความสามารถนี้ในการแยกข้อมูลใน Tableau จะพร้อมใช้งานใน Tableau 9.0.6
CAP_QUERY_WHERE_FALSE_METADATAตั้งค่าเป็น 'ใช่’ หากแหล่งข้อมูลสามารถรับมือส่วนแสดง“WHERE <false>” สำหรับเรียกข้อมูลเมตาได้
CAP_SELECT_INTOตั้งค่าเป็น 'ใช่' หาก Tableau สามารถสร้างตารางในขณะใช้งานได้จากชุดผลลัพธ์ของการสืบค้นอื่น ดูเพิ่มเติม: CAP_CREATE_TEMP_TABLES
CAP_SELECT_TOP_INTOตั้งค่าเป็น 'ใช่’ หาก Tableau สามารถใช้วลีการจำกัดแถว TOP หรือ LIMIT เมื่อสร้างตารางจากชุดผลลัพธ์การค้นหาได้
CAP_STORED_PROCEDURE_PREFER_TEMP_TABLEตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อใช้ตารางชั่วคราวในการรองรับการสืบค้นระยะไกลผ่านชุดผลลัพธ์ของโพรซีเยอร์ที่จัดเก็บไว้
CAP_STORED_PROCEDURE_REPAIR_TEMP_TABLE_STRINGSตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อพยายามคำนวณความกว้างของสตริงจริง หากข้อมูลเมตาระบุว่าไม่มีความกว้างหรือความกว้างไม่เป็นค่าบวก
CAP_STORED_PROCEDURE_TEMP_TABLE_FROM_BUFFERตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อเติมตารางชั่วคราวจากชุดผลลัพธ์ที่บัฟเฟอร์ไว้ทั้งหมด
CAP_STORED_PROCEDURE_TEMP_TABLE_FROM_NEW_PROTOCOLตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อเติมตารางชั่วคราวจากโปรโตคอลที่แยกกันที่สร้างขึ้นสำหรับการดำเนินการนี้เท่านั้น
CAP_SUPPRESS_DISCOVERY_QUERIESตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อป้องกันไม่ให้ Tableau ตรวจพบไวยากรณ์ SQL ที่รองรับสำหรับส่วนคำสั่งต่างๆ
CAP_SUPPRESS_DISPLAY_LIMITATIONSตั้งค่าเป็น 'ใช่' เพื่อระงับการแสดงคำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดสำหรับแหล่งข้อมูลนี้

ดูเพิ่มเติม

ฐานข้อมูลอื่นๆ (ODBC) – อธิบายวิธีเชื่อมต่อกับข้อมูลของคุณโดยใช้ตัวเชื่อมต่อ ODBC

Tableau และ ODBC – ให้ข้อมูลเบื้องหลังเกี่ยวกับ ODBC อธิบายว่า Tableau จะกำหนดฟังก์ชันการทำงานของไดรเวอร์ ODBC อย่างไร และแสดงรายการคำถามที่พบบ่อย

ปรับแต่งและปรับตั้งการเชื่อมต่อ – อธิบายวิธีปรับแต่งข้อมูลการเชื่อมต่อเพื่อการทำงานและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ข้อมูลการอ้างอิงการปรับแต่ง ODBC/SQL – แสดงรายการการปรับแต่งที่แสดงถึงส่วนของมาตรฐานของ ODBC และ SQL ที่ไดรเวอร์ ODBC รายงานการรองรับ

ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะของคุณส่งข้อเสนอแนะของคุณเรียบร้อยแล้ว ขอขอบคุณ